บทที่ 2 ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่าย เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปเข้าด้วยกัน เพื่อสะดวกต่อการร่วมใช้ข้อมูล, โปรแกรม หรือเครื่องพิมพ์ และยังสามารถอำนวยความสะดวกในการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเครื่องได้ตลอดเวลา ระบบเครือข่ายจะถูกแบ่งออกตามขนาดของเครือข่าย ซึ่งปัจจุบันเครือข่ายที่รู้จักกันดีมีอยู่ 4 แบบ ได้แก่
2.1เครือข่ายส่วนบุคคล หรือ แพน (Personal area network): PAN
PAN คือ “ระบบการติดต่อสื่อสารไร้สายส่วนบุคคล” ย่อมาจาก Personal Area Network หรือเรียกว่า BluetoothPersonal
Area Network (PAN)คือเทคโนโลยีการเข้าถึงไร้สายในพื้นที่เฉพาะส่วนบุคคล
โดยมีระยะทางไม่เกิน 1เมตร
และมีอัตราการรับส่งข้อมูลความเร็วสูงมาก (สูงถึง 480 Mbps) ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้กันแพร
หลาย ก็เช่น• Ultra Wide Band (UWB) ตามมาตรฐาน IEEE
802.15.3a• Bluetooth ตามมาตรฐาน IEEE 802.15.1• Zigbee ตามมาตรฐาน IEEE 802.15.4เทคโนโลยีเหล่านี้ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง(peripherals)
ให้สามารถรับส่งข้อมูลถึงกันได้
และยังใช้สำหรับการรับส่งสัญญาณวิดีโอที่มีความละเอียดภาพสูง (high-definition
video signal
1. สะดวกต่อการใช้งาน
2. สามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
3. มีการรับรองเครือข่าย
4. สามารถนำอุปกรณ์ต่างๆมาใช้ร่วมกันได้
ข้อเสีย
คือ
1. สื่อสารได้ไม่เกิน 1 เมตร
2. การส่งข้อมูลอาจเกิดข้อผิดพลาดได้
3. ติดไวรัสได้ง่าย
4. ราคาแพง
รูปที่ 2.1 เครือข่ายแพน
2.2 LAN (Local Area Network): ระบบเครือข่ายระดับท้องถิ่น
รูปที่ 2.2 เครือข่ายแลน
2.3 MAN (Metropolitan Area Network): ระบบเครือข่ายระดับเมือง
เป็นระบบเครือข่ายที่มีขนาดอยู่ระหว่าง LAN และ Wan เป็นระบบเครือข่ายที่ใช้ภายในเมืองหรือจังหวัดเท่านั้น
การเชื่อมโยงจะต้องอาศัยระบบบริการเครือข่ายสาธารณะ
จึงเป็นเครือข่ายที่ใช้กับองค์การที่มีสาขาห่างไกลและต้องการเชื่อมสาขาเหล่านั้นเข้าด้วยกัน
เช่น ธนาคาร เครือข่ายแวนเชื่อมโยงระยะไกลมาก
จึงมีความเร็วในการสื่อสารไม่สูง เนื่องจากมีสัญญาณรบกวนในสาย
เทคโนโลยีที่ใช้กับเครือข่ายแวนมีความหลากหลาย
มีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศด้วยช่องสัญญาณดาวเทียม เส้นใยนำแสง คลื่นไมโครเวฟ
คลื่นวิทยุ สายเคเบิล
รูปที่ 2.3 เครือข่ายแมน
2.4 WAN (Wide Area Network)
: ระบบเครือข่ายระดับประเทศ หรือเครือข่ายบริเวณกว้าง
รูปที่ 2.3 เครือข่ายแวน
2.5 รูปแบบของการเชื่อมต่อเครือข่าย
คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์รับ-ส่งข้อมูลที่ประกอบกันเป็นเครือข่าย มีการเชื่อมโยงถึงกันในรูปแบบต่างๆตามความเหมาะสมเทคโนโลยีการออกแบบเชื่อมโยงนี้เรียกว่ารูปร่างเครือข่าย(network topology)เมื่อพิจารณาการต่อเชื่อมโยงถึงกันของอุปกรณ์สำนักงานซึ่งใช้งานที่ต่างๆ หากต้องการเชื่อมต่อถึงกันโดยตรง จะต้องใช้สายเชื่อมโยงมาก
คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์รับ-ส่งข้อมูลที่ประกอบกันเป็นเครือข่าย มีการเชื่อมโยงถึงกันในรูปแบบต่างๆตามความเหมาะสมเทคโนโลยีการออกแบบเชื่อมโยงนี้เรียกว่ารูปร่างเครือข่าย(network topology)เมื่อพิจารณาการต่อเชื่อมโยงถึงกันของอุปกรณ์สำนักงานซึ่งใช้งานที่ต่างๆ หากต้องการเชื่อมต่อถึงกันโดยตรง จะต้องใช้สายเชื่อมโยงมาก
รูปที่ 2.4 รูปแบบการเชื่อมต่อภายในเครือข่าย
ปัญหาของการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ของสถานีปลายทางหลายๆสถานีคือ
จำนวนสายที่ใช้เชื่อมโยง ระหว่างสถานีเพิ่มมากขึ้น
และระบบการสลับสายเพื่อโยงข้อมูลถึงกันในการสื่อสารระหว่างสถานีนั้น
ถ้ามีการเพิ่มสถานีมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการเดินสายก็มากตามไปด้วย
และในขณะที่สถานีหนึ่งสื่อสารกับสถานีหนึ่ง ก็จะถือครองการใช้สายเชื่อมโยง
ระหว่างสถานีนั้น ทำให้การใช้สายเชื่อมโยงมีเต็มประสิทธิภาพ
จึงมีความพยายามที่จะหาลักษณะรูปร่างเครือข่าย
ที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินสายเชื่อมโยงง่ายต่อการติดตั้งและมีประสิทธิภาพที่ดีต่อระบบรูปร่างเครือข่ายที่ใช้ในการสื่อสารมีหลายรูปแบบ
2.6 ประเภทของเครือข่ายแลน
ระบบเครือข่ายแลน
LAN
ถ้าหากแบ่งตามประเภทของเครื่องที่นำมาเชื่อมต่อกันสามารถแบ่งออกได้เป็น
2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
2.6.1 ระบบเครือข่ายแบบ
Peer To Peer
เป็นระบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนระบบเครือข่ายมีฐานเท่าเทียมกัน คือทุกเครื่องสามารถจะใช้ไฟล์ในเครื่องอื่นได้ และสามารถให้เครื่องอื่นมาใช้ไฟล์ของตนเองได้เช่นกัน ระบบ Peer To Peer มีการทำงานแบบดิสทริบิวท์(Distributed System) โดยจะกระจายทรัพยากรต่างๆ ไปสู่เวิร์กสเตชั่นอื่นๆ แต่จะมีปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลที่เป้นความลับจะถูกส่งออกไปสู่คอมพิวเตอร์อื่นเช่นกันโปรแกรมที่ทำงานแบบ Peer To Peer คือ Windows for Workgroup และ Personal Netware
เป็นระบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนระบบเครือข่ายมีฐานเท่าเทียมกัน คือทุกเครื่องสามารถจะใช้ไฟล์ในเครื่องอื่นได้ และสามารถให้เครื่องอื่นมาใช้ไฟล์ของตนเองได้เช่นกัน ระบบ Peer To Peer มีการทำงานแบบดิสทริบิวท์(Distributed System) โดยจะกระจายทรัพยากรต่างๆ ไปสู่เวิร์กสเตชั่นอื่นๆ แต่จะมีปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลที่เป้นความลับจะถูกส่งออกไปสู่คอมพิวเตอร์อื่นเช่นกันโปรแกรมที่ทำงานแบบ Peer To Peer คือ Windows for Workgroup และ Personal Netware
รูปที่ 2.5 ระบบการเครือข่ายแบบ Peer To Peer ผู้อื่นในเครือข่ายสามารถใช้เครื่องพิมพ์ที่ต่อตรงกับเครื่องได้ถ้าเจ้าของเครื่องอนุญาต
2.6.2 ระบบเครือข่ายแบบ Client
/ Server
เป็นระบบการทำงานแบบ Distributed Processing หรือการประมวลผลแบบกระจาย โดยจะแบ่งการประมวลผลระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์กับเครื่องไคลเอ็นต์ แทนที่แอพพลิเคชั่นจะทำงานอย ู่เฉพาะบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ก็แบ่งการคำนวณของโปรแกรมแอพพลิเคชั่น มาทำงานบนเครื่องไคลเอ็นต์ด้วย และเมื่อใดที่เครื่องไคลเอ็นต์ต้องการผลลัพธ์ของข้อมูลบางส่วน จะมีการเรียกใช้ไปยัง เครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้นำเฉพาะข้อมูลบางส่วนเท่านั้นส่งกลับ มาให้เครื่องไคลเอ็นต์เพื่อทำการคำนวณข้อมูลนั้นต่อไป
เป็นระบบการทำงานแบบ Distributed Processing หรือการประมวลผลแบบกระจาย โดยจะแบ่งการประมวลผลระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์กับเครื่องไคลเอ็นต์ แทนที่แอพพลิเคชั่นจะทำงานอย ู่เฉพาะบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ก็แบ่งการคำนวณของโปรแกรมแอพพลิเคชั่น มาทำงานบนเครื่องไคลเอ็นต์ด้วย และเมื่อใดที่เครื่องไคลเอ็นต์ต้องการผลลัพธ์ของข้อมูลบางส่วน จะมีการเรียกใช้ไปยัง เครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้นำเฉพาะข้อมูลบางส่วนเท่านั้นส่งกลับ มาให้เครื่องไคลเอ็นต์เพื่อทำการคำนวณข้อมูลนั้นต่อไป
รูปที่ 2.5 ระบบการเครือข่ายแบ client-server เครื่องพิมพ์ที่ต่อกับเซิร์ฟเวอร์สามารถรับงานพิมพ์ของผู้อื่นในเครือข่ายได้
2.7 การสร้างเครือข่ายแลน
ดังที่ได้กล่าวถึงเครือข่ายภายในหรือเครือข่ายแลนก่อนหน้านี้แล้วว่าเครือข่ายแลนเป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดเล็ก
เครือข่ายแลนนี้จะมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลแตกต่างกันไป
ในการสร้างเครือข่ายแลนจะต้องการอุปกรณ์เครือข่ายเพื่อช่วยในการรับส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นภายในเครือข่ายได้
2.7.1
อุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างระบบเครือข่ายแลน
สำหรับระบบเครือข่ายแลนแบบที่ใช้สายสัญญาณนั้น จะประกอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
การ์ดแลน (LAN Card)
เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการรับส่งข้อมูลจากเครื่องคอมฯเครื่องหนึ่งไปสู่อีกเครื่องโดยผ่านสายแลน การ์ดแลนเป็นอุปกรณ์ที่สามารถต่อพ่วงกับพอร์ตแทบทุกชนิดของเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น ISA, PCI, USB, Parallel, PCMCIA และ Compact Flash ซึ่งที่เห็นใช้กันมากที่สุดก็จะเป็นแบบ PCI เพราะถ้าเทียบราคากับประสิทธิภาพแล้วถือว่าค่อนข้างถูก มีหลายราคา ตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาทจนถึงหลักพัน ส่วนแบบ USB, Parallel, PCMCIA ส่วนใหญ่จะเห็นใช้กันมากกับเครื่องโน๊ตบุ๊ค เพราะก็อย่างที่ทราบกันอยู่ว่าการติดอุปกรณ์ลงในพอร์ตภายใน ของเครื่องโน๊ตบุ๊คเป็นเรื่องยาก ดังนั้นการต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงจึงต้องอาศัยพอร์ตภายนอกดังที่กล่าวมา
ฮับ
(HUB)
และสวิตช์ (Switches)
เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เสมือนกับชุมทางข้อมูล
มีหน้าที่เป็นตัวกลาง คอยส่งข้อมูลให้คอมพิวเตอร์ในเครือข่าย ซึ่งลักษณะการทำงาน ให้ลองนึกถึงภาพการออกอากาศโทรทัศน์
ที่เมื่อมีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งกำลังส่งข้อมูล
เครื่องที่อยู่บนเครือข่ายทุกเครื่องจะได้รับข้อมูลเหมือนๆ กันทุกเครื่อง
ซึ่งเมื่อแต่ละเครื่องได้รับข้อมูลก็จะดูว่า เป็นข้อมูลของตัวเองไหม
ถ้าใช่ก็จะรับเข้ามาประมวลผล ถ้าไม่ใช่ก็ไม่รับเข้ามา ซึ่งจากากรทำงานในลักษณะนี้
ในเครือข่ายที่ใช้ฮับเป็นตัวกระจ่ายสัญญาณ
จะสามารถส่งข้อมูลสู่เครือข่ายได้ทีละเครื่อง
ถ้ามีคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งกำลังส่งข้อมูล เครื่องอื่นๆ
ก็ต้องรอให้การส่งข้อมูลเสร็จสิ้นเสียก่อน เมื่อช่องสัญญาณว่าง
จึงจะสามารถส่งข้อมูลได้
เราท์เตอร์ (Router)
เราท์เตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบเครือข่ายหลายระบบเข้าด้วยกัน
คล้ายกับบริดจ์ แต่มีส่วนการ
ทำงานที่ซับซ้อนมากกว่าบริดจ์มาก โดยเราท์เตอร์จะมีเส้นทางการเชื่อมโยงระหว่างแต่ละเครือข่ายเก็บไว้เป็นตารางเส้นทาง เรียกว่า Routing Table
ทำให้เราท์เตอร์สามารถทำหน้าที่จัดหาเส้นทางและเลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดในการเดินทาง เพื่อการติดต่อระหว่างเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.7.2 โปรโตคอลที่ต้องการใช้ในเครือข่าย
ในการสื่อสารทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์จำต้องมีการสื่อสารข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบ
ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่ออยู่ในเครือข่ายเดียวกันนี้ อาจจะมีฮาร์ดแวร์,ซอฟท์แวร์ที่แตกต่างกัน
ดังนั้นเมื่อทำการส่งข้อมูลถึงกันและตีความหมายได้ตรงกัน
จึงต้องมีการกำหนดระเบียบวิธีการติดต่อให้ตรงกัน โปรโตคอล ( Protocol ) คือระเบียบวิธีที่กำหนดขึ้นสำหรับการสื่อสารข้อมูล
โดยสามารถส่งผ่านข้อมูลไปยังปลายทางได้อย่างถูกต้อง
ซึ่งตัวโปรโตคอลที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือ TCP/IP นอกจากนี้ยังมีการออกแบบโปรโตคอลตัวอื่นๆขึ้นมาใช้งานอีก
เช่น โปรโตคอล IPX/SPX,โปรโตคอล NetBEUI และ โปรโตคอล Apple Talk
·
โปรโตคอล IPX/SPX
พัฒนาโดยบริษัท Novell ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบปฏิบัตการเครือข่าย Netware ที่นิยมมากตัวหนึ่งของโลก โปรโตคอล IPX/SPX แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ IPX (Internetwok Packet Exchange) และ SPX (Sequenced Packet Exchange)
พัฒนาโดยบริษัท Novell ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบปฏิบัตการเครือข่าย Netware ที่นิยมมากตัวหนึ่งของโลก โปรโตคอล IPX/SPX แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ IPX (Internetwok Packet Exchange) และ SPX (Sequenced Packet Exchange)
·
โปรโตคอล NetBIOS
Network Basic Input/Output System ความจริงแล้ว NetBIOS ไม่ใช่โปรโตคอล แต่ที่จริงเป็น ไลบรารีของกลุ่มคำสั่งระบบเครือข่าย หรือ API (Application Programming Interfac) การใช้งาน NetBIOS จะใช้ในลักษณะของกลุ่มคอมพิวเตอร์ในระบบปฏิบัติการ Windows หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า workgroup
Network Basic Input/Output System ความจริงแล้ว NetBIOS ไม่ใช่โปรโตคอล แต่ที่จริงเป็น ไลบรารีของกลุ่มคำสั่งระบบเครือข่าย หรือ API (Application Programming Interfac) การใช้งาน NetBIOS จะใช้ในลักษณะของกลุ่มคอมพิวเตอร์ในระบบปฏิบัติการ Windows หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า workgroup
·
โปรโตคอล AppleTalk
พัฒนาโดยบริษัท Apple Computer เป็นโปรโตคอลที่ใช้สำหรับสื่อสารในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ Macintosh โดยเฉพาะ นอกจากนี้ Apple ยังได้มีการพัฒนาโปรโตคอลเพิ่ม เพื่อใช้เชื่อมกับระบบเครือข่ายแบบ Ethernet และ Token Ring โดยตั้งชื่อว่า Ether Talk และ TokenTalk เป็นต้น
พัฒนาโดยบริษัท Apple Computer เป็นโปรโตคอลที่ใช้สำหรับสื่อสารในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ Macintosh โดยเฉพาะ นอกจากนี้ Apple ยังได้มีการพัฒนาโปรโตคอลเพิ่ม เพื่อใช้เชื่อมกับระบบเครือข่ายแบบ Ethernet และ Token Ring โดยตั้งชื่อว่า Ether Talk และ TokenTalk เป็นต้น
2.8
ระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN)
ระบบเครือข่ายไร้สาย
(Wireless LAN) ระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless
LANs) เกิดขึ้นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1971 บนเกาะฮาวาย
โดยโปรเจกต์ ของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาวาย ที่ชื่อว่า “ALOHNET” ขณะนั้นลักษณะการส่งข้อมูลเป็นแบบ Bi-directional ส่งไป-กลับง่ายๆ
ผ่านคลื่นวิทยุ สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ 7 เครื่อง
ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ 4 เกาะโดยรอบ
และมีศูนย์กลางการเชื่อมต่ออยู่ที่เกาะๆหนึ่ง ที่ชื่อว่า Oahu
ระบบเครือข่ายไร้สาย
(WLAN = Wireless Local Area Network) คือ
ระบบการสื่อสารข้อมูลที่มีความคล่องตัวมาก
ซึ่งอาจจะนำมาใช้ทดแทนหรือเพิ่มต่อกับระบบเครือข่ายแลนใช้สายแบบดั้งเดิม
โดยใช้การส่งคลื่นความถี่วิทยุในย่านวิทยุ RF และ
คลื่นอินฟราเรด ในการรับและส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ผ่านอากาศ,
ทะลุกำแพง, เพดานหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ
โดยปราศจากความต้องการของการเดินสาย
นอกจากนั้นระบบเครือข่ายไร้สายก็ยังมีคุณสมบัติครอบคลุมทุกอย่างเหมือนกับระบบ LAN
แบบใช้สาย
ที่สำคัญก็คือ
การที่มันไม่ต้องใช้สายทำให้การเคลื่อนย้ายการใช้งานทำได้โดยสะดวก ไม่เหมือนระบบ LAN
แบบใช้สาย
ที่ต้องใช้เวลาและการลงทุนในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์
2.8.1 มาตรฐานเครือข่ายไร้สาย Wireless LAN
ปัจจุบันเครือข่ายไร้สายทั่วไปนั้นมีความเร็วสูงถึง
54 Mbps (บางมาตรฐานจะเร็วกว่านี้อีก) มีระยะประมาณ 200-300
ฟุต ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป
แต่เครือข่ายไร้สายนั้นจะมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลลดลง เมื่อระยะทางยิ่งไกลขึ้น
ระบบเครือข่ายไร้สายจะใช้วิทยุในการกระจายสัญญาณและได้มีดารกำหนดมาตรฐานออกมาเพื่อระบุลักษณะต่างๆ
ของระบบ เช่นใช้ความถี่เท่าไรในการรับส่งข้อมูล
ความเร็วในการรับส่งข้อมูลเป็นเท่าไร มาตรฐานของระบบเครือข่ายไร้สายก็คือมาตรฐาน IEEE802.11
ซึ่งแบ่งเป็นมาตรฐานปลีกย่อยต่างๆ ได้ดังนี้
IEEE802.11a เป็นมาตรฐานที่ได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่เมื่อปี พ.ศ. 2542 โดยใช้เทคโนโลยี OFDM (Orthogonal Frequency Division
Multiplexing) เพื่อพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์ไร้สายมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลด้วยอัตราความเร็วสูงสุด
54 เมกะบิตต่อวินาที โดยใช้คลื่นวิทยุย่านความถี่ 5 กิกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นย่านความถี่ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานโดยทั่วไปในประเทศไทยเนื่องจากสงวนไว้สำหรับกิจการทางด้านดาวเทียม
ข้อเสียของผลิตภัณฑ์มาตรฐาน IEEE 802.11a ก็คือมีรัศมีการใช้งานในระยะสั้นและมีราคาแพง
ดังนั้นผลิตภัณฑ์ไร้สายมาตรฐาน IEEE 802.11a จึงได้รับความนิยมน้อย
IEEE802.11a เป็นมาตรฐานที่ได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่เมื่อปีพ.ศ. 2542 โดยใช้เทคโนโลยี OFDM (Orthogonal Frequency Division
Multiplexing) เพื่อพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์ไร้สายมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลด้วยอัตราความเร็วสูงสุด 54 เมกะบิตต่อวินาที โดยใช้คลื่นวิทยุย่านความถี่ 5 กิกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นย่านความถี่ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานโดยทั่วไปในประเทศไทยเนื่องจากสงวนไว้สำหรับกิจการทางด้านดาวเทียม
ข้อเสียของผลิตภัณฑ์มาตรฐาน IEEE 802.11a ก็คือมีรัศมีการใช้งานในระยะสั้นและมีราคาแพง
ดังนั้นผลิตภัณฑ์ไร้สายมาตรฐาน IEEE 802.11a จึงได้รับความนิยมน้อย
IEEE
802.11g เป็นมาตรฐานที่นิยมใช้งานกันมากในปัจจุบันและได้เข้ามาทดแทนผลิตภัณฑ์ที่รองรับมาตรฐาน IEEE
802.11bเนื่องจากสนับสนุนอัตราความเร็วของการรับส่งข้อมูลในระดับ 54 เมกะบิตต่อวินาที โดยใช้เทคโนโลยี OFDM บนคลื่นสัญญาณวิทยุย่านความถี่ 2.4 กิกะเฮิรตซ์ และให้รัศมีการทำงานที่มากกว่า IEEE 802.11a พร้อมความสามารถในการใช้งานร่วมกันกับมาตรฐาน IEEE 802.11b ได้ (Backward-Compatible)
2.8.2 การเลือกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Wireless LAN
ในการเชื่อมต่อกับ Wireless LAN นั้น เราจะต้องมีการ์ดแลนไร้สายติดตั้งในเครื่อง ในกรณีที่เรามีเครื่องโน๊ตบุ๊กรุ่นใหม่ จะมาพร้อมกับความสามารถในการเชื่อมต่อกับ Wireless LAN อยู่แล้ว แต่หากเป็นโน๊ตบุ๊กรุ่นเก่า ก็อาจจะต้องติดตั้งการ์ไร้สายเพิ่ม (เรียกว่า PC Card) เช่นกัน ดังรูป
การ์ดไร้สายสำหรับเครื่องพีซี
การ์ดไร้สายสำหรับเครื่องโน๊ตบุ๊ก
การ์ดไร้สายแบบ USB ที่ใช้ได้ทั้งเครื่องซีพี และโน๊ตบุ๊ก
การ์ดแลนไร้สายมีอยู่
3 แบบให้เราเลือกซื้อได้ คือ
แบบ
B ที่ใช้ได้ทั้งกับ 802.11b และ 802.11g
(แต่จะได้ความเร็วที่ 11 Mbps)
แบบ
G ที่ใช้ได้ทั้งกับ 802.11b (แต่จะได้ความเร็วที่
11 Mbps) และ 802.11g
แบบ
A ที่ใช้ได้กับเครือข่าย 802.11a เท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น