บทที่ 10 การจัดการความปลอดภัยระบบเครือข่าย
ความปลอดภัยเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญของระบบเครือข่ายเพราะเป็นงานที่ผู้ดูแลระบบ (Network Administrator) ต้องดูแลในทุกวัน
ทั้งอุปกรณ์ โปรแกรม และข้อมูลภายในระบบให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่ให้เกิดความเสียหาย
หรือมีการเข้าถึงทรัพยากรเหล่านั้นโดยไม่ได้รับสิทธิ์การใช้งาน
จุดมุ่งหมายหลักของการดูแลความปลอดภัยของระบบเครือข่ายนั้น
ก็เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเครือข่ายที่มีสิทธิ์เข้าถึงทรัพยากร
สามารถใช้งานทรัพยากรที่ต้องการได้ และแยกทรัพยากรเหล่านั้นจากผู้ที่ไม่ต้องการใช้งานได้
แต่การที่จะดูแลระบบเครือข่ายได้ตามวัตถุประสงค์นี้จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์หรือโปรแกรมที่จะช่วยในการดูแลจัดการเครือข่าย
เพราะลำพังผู้ดูแลระบบไม่สามารถจัดการดูแลทุกอย่างภายในเครือข่ายได้
ในระบบเครือข่ายนั้นจะมีผู้ร่วมใช้เป็นจำนวนมาก
ดังนั้นจึงมีทั้งผู้ที่ประสงค์ดีและประสงค์ร้ายควบคู่กันไปสิ่งที่พบเห็นกันบ่อยๆในระบบเครือข่ายก็คืออาชญากรรมทางด้านเครือข่ายคอมพิวเตอร์หลายประเภทด้วยกันเช่นพวกที่คอยดักจับสัญญาณผู้อื่นโดยการใช้เครื่องมือพิเศษจั๊มสายเคเบิลแล้วแอบบันทึกสัญญาณพวกแคร๊กเกอร์(Crackers)ซึ่งได้แก่
ผู้ที่มีความรู้ความชำนาญด้านคอมพิวเตอร์แต่มีนิสัยชอบเข้าไปเจาะระบบคอมพิวเตอร์ผ่าน
เครือข่าย หรือไวรัสคอมพิวเตอร์ (Virus Computer) ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เขียนขึ้นมาโดยมุ่งหวังในการก่อกวน หรือทำลายข้อมูลในระบบ
การรักษาความปลอดภัยในระบบเครือข่ายมีวิธีการกระทำได้หลายวิธี คือ เครือข่าย หรือไวรัสคอมพิวเตอร์ (Virus Computer) ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เขียนขึ้นมาโดยมุ่งหวังในการก่อกวน หรือทำลายข้อมูลในระบบ
1. ควรระมัดระวังในการใช้งาน การติดไวรัสมักเกิดจากผู้ใช้ไปใช้แผ่นดิสก์ร่วมกับผู้อื่น แล้วแผ่นนั้นติดไวรัสมา หรืออาจติดไวรัสจากการดาวน์โหลดไฟล์มาจากอินเทอร์เน็ต
2. หมั่นสำเนาข้อมูลอยู่เสมอ การป้องกันการสูญหายและถูกทำลายของข้อมูลที่ดีก็คือ การหมั่นสำเนา ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
3. ติดตั้งโปรแกรมตรวจสอบและกำจัดไวรัส วิธีการนี้ สามารตรวจสอบ และป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่เป็นการป้องกันได้ทั้งหมด เพราะว่าไวรัสคอมพิวเตอร์ได้มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
4. การติดตั้งไฟร์วอลล์ (Firewall) ไฟร์วอลล์จะทำหน้าที่ป้องกันบุคคลอื่นบุกรุกเข้ามาเจาะเครือข่ายในองค์กรเพื่อขโมยหรือทำลายข้อมูล เป็นระยะที่ทำหน้าที่ป้องกันข้อมูลของเครือข่าย โดยการควบคุมและตรวจสอบการรับส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายภายในกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
5. การใช้รหัสผ่าน (Username & Password) การใช้รหัสผ่านเป็นระบบรักษาความปลอดภัยขั้นแรกที่ใช้กันมากที่สุด เมื่อมีการติดตั้งระบบเครือข่ายจะต้องมีการกำหนดบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่าน หากเป็นผู้อื่นที่ไม่ทราบรหัสผ่านก็ไม่สามารถเข้าไปใช้เครือข่ายได้ หากเป็นระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูงก็ควรมีการเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อย ๆ เป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง
10.2 ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ต่อผู้ใช้เครือข่าย
ดังที่ได้กล่าวแล้วว่าระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีความเสี่ยงต่อผู้ใช้งาน
เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันถูกนำไปใช้งานหลายๆด้าน เช่น ด้านธุรกรรม
การวางแผนการลงทุนต่างๆ การเก็บรักษาข้อมูลที่เป็นความลับส่วนตัว
หรือความลับขององค์กร ซึ่งหากข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปเผยแพร่อาจสร้างความเสียหายให้กับบุคคลหรือองค์กรนั้นๆ
ได้
10.2.1 รูปแบบของความเสี่ยง
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นจะมีดังนี้
ผู้บุกรุก
(Hacker
หรือ Attacker) นำเครื่องไปใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ร้าย
ความเสี่ยงนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้เชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์กับเครือข่าย
เนื่องจากปัจจุบันโปรแกรมต่างๆ ไม่ว่าระบบปฏิบัติการ (Operating
System) หรือซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์เพื่อการใช้งานอื่นๆ (Computer
Software) ต่างมีช่วงโหว่ (Security Hole) ที่สามารถตรวจพบได้ทุกวัน
แม้ว่าทางผู้ผลิตจะออกตัวอัปเดตเพื่ออุดช่วงโหว่หรือแพทช์ (Patch) เพื่ออุดช่วงโหว่เหล่านั้น แต่ยังมีผู้ใช้คอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมาก
ยังไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายของช่วงโหว่ หรืออาจไม่รู้วิธีการอุดช่วงโหว่
ซึ่งช่วงโหว่เหล่านี้จะเป็นช่องทางให้กับผู้บุกรุกที่มีเป้าหมายในการยึดเครือข่ายคอมพิวเตอร์
วิธีที่ผู้บุกรุกใช้เพื่อเข้ายึดเครื่องคอมพิวเตอร์เป้าหมายนั้นก็มีหลานวิธี
เช่น
- การใช้โปรแกรมโทรจัน
(Trojan
Horse)
- การส่งอีเมล์พร้อมไวรัส
- โปรแกรมสนทนาหรือแชต
(Chat)
อุบัติเหตุและความเสี่ยงจากผู้ใช้
นอกจากความเสี่ยงการผู้บุกรุกที่อาจจะเข้ามาสร้ความเสียหายแล้ว
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวขัองกับเชื่อต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์เสมอ
เช่น
- ฮาร์ดดิสก์ขัดข้อง
- กระแสไฟฟ้าขัดข้อง
- ถูกโจรกรรม
10.3 การใช้งานไฟร์วอลล์ (Firewall)
ใน ความหมายทางด้านการก่อสร้างแล้ว
ไฟร์วอลล์ จะหมายถึง กำแพงที่เอาไว้ป้องกันไฟไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ
ส่วนทางด้านคอมพิวเตอร์นั้นก็จะมีความหมายคล้ายๆ กันก็คือ
เป็นระบบที่เอาไว้ป้องกันอันตรายจากอินเตอร์เน็ตหรือเน็ตเวิร์กภายนอกนั่น เอง
ไฟร์วอลล์
เป็นคอมโพเน็นต์หรือกลุ่มของคอมโพเน็นต์ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมการเข้าถึง
ระหว่างเน็ตเวิร์กภายนอกหรือเน็ตเวิร์กที่เราคิดว่าไม่ปลอดภัย
กับเน็ตเวิร์กภายในหรือเน็ตเวิร์กที่เราต้องการจะป้องกัน
โดยที่คอมโพเน็นต์นั้นอาจจะเป็นเราเตอร์ คอมพิวเตอร์ หรือเน็ตเวิร์ก
ประกอบกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับวิธีการหรือ Firewall Architecture ที่ใช้
รูปที่
10.2
ไฟร์วอลล์กั้นระหว่างอินเตอร์เน็ตกับเน็ตเวิร์กภายใน
การควบคุม
การเข้าถึงของไฟร์วอลล์นั้น
สามารถทำได้ในหลายระดับและหลายรูปแบบขึ้นอยู่ชนิดหรือเทคโนโลยีของไฟร์วอลล์
ที่นำมาใช้ เช่น เราสามารถกำหนดได้ว่าจะให้มีการเข้ามาใช้เซอร์วิสอะไรได้บ้าง
จากที่ไหน เป็นต้น
สิ่งที่ไฟร์วอลล์ช่วยได้
|
||||||||
ไฟร์วอลล์สามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบได้โดย
-
บังคับใช้นโยบายด้านความปลอดภัย
โดยการกำหนดกฎให้กับไฟร์วอลล์ว่าจะอนุญาตหรือไม่ให้ใช้เซอร์วิสชนิดใด
-
ทำ
ให้การพิจารณาดูแลและการตัดสินใจด้านความปลอดภัยของระบบเป็นไปได้ง่ายขึ้น
เนื่องจากการติดต่อทุกชนิดกับเน็ตเวิร์กภายนอกจะต้องผ่านไฟร์วอลล์
การดูแลที่จุดนี้เป็นการดูแลความปลอดภัยในระดับของเน็ตเวิร์ก
(Network-based Security)
-
บันทึกข้อมูล กิจกรรมต่างๆ
ที่ผ่านเข้าออกเน็ตเวิร์กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ป้องกันเน็ตเวิร์กบางส่วนจากการเข้าถึงของเน็ตเวิร์กภายนอก
เช่นถ้าหากเรามีบางส่วนที่ต้องการให้ภายนอกเข้ามาใช้เซอร์วิส (เช่นถ้ามีเว็บเซิร์ฟเวอร์) แต่ส่วนที่เหลือไม่ต้องการให้ภายนอกเข้ามากรณีเช่นนี้เราสามารถใช้ไฟร์วอลล์ช่วยได้
-
ไฟร์วอลล์บางชนิด [1] สามารถป้องกันไวรัสได้
โดยจะทำการตรวจไฟล์ที่โอนย้ายผ่านทางโปรโตคอล HTTP, FTP และ SMTP
|
ที่ 10.2 ใช้ Screening Router ทำหน้าที่ Packet Filterin
ในการพิจารณาเฮดเดอร์
Packet Filter จะตรวจสอบในระดับของอินเตอร์เน็ตเลเยอร์
(Internet Layer) และทรานสปอร์ตเลเยอร์ (Transport
Layer) ในอินเตอร์เน็ตโมเดล
ซึ่งในอินเตอร์เน็ตเลเยอร์จะมีแอตทริบิวต์ที่สำคัญต่อ Packet Filtering ดังนี้
|
||||||||
-
ไอพีต้นทาง
-
ไอพีปลายทาง
-
ชนิดของโปรโตคอล (TCP UDP และ ICMP)
|
||||||||
และในระดับของทรานสปอร์ตเลเยอร์
มีแอตทริบิวต์ที่สำคัญคือ
|
||||||||
-
พอร์ตต้นทาง
-
พอร์ตปลายทาง
-
แฟล็ก (Flag ซึ่งจะมีเฉพาะในเฮดเดอร์ของแพ็กเก็ต
TCP)
-
ชนิดของ ICMP message (ในแพ็กเก็ต ICMP)
|
||||||||
ซึ่งพอร์ตของทรานสปอร์ตเลเยอร์
คือทั้ง TCP และ UDP นั้นจะเป็นสิ่งที่บอกถึงแอพพลิเคชันที่แพ็กเก็ตนั้นต้องการติดต่อด้วยเช่น
พอร์ต 80 หมายถึง HTTP, พอร์ต 21
หมายถึง FTP เป็นต้น ดังนั้นเมื่อ Packet
Filter พิจารณาเฮดเดอร์
จึงทำให้สามารถควบคุมแพ็กเก็ตที่มาจากที่ต่างๆ และมีลักษณะต่างๆ
(ดูได้จากแฟล็กของแพ็กเก็ต หรือ ชนิดของ ICMP ในแพ็กเก็ต
ICMP) ได้ เช่น ห้ามแพ็กเก็ตทุกชนิดจาก crack.cracker.net เข้ามายังเน็ตเวิร์ก 203.154.207.0/24 , ห้ามแพ็กเก็ตที่มีไอพีต้นทางอยู่ในเน็ตเวิร์ก
203.154.207.0/24 ผ่านเราเตอร์เข้ามา
(ในกรณีนี้เพื่อเป็นการป้องกัน ip spoofing) เป็นต้น
|
||||||||
Packet Filtering สามารถอิมพลีเมนต์ได้จาก
2 แพล็ตฟอร์ม คือ
|
||||||||
-
เราเตอร์ที่มีความสามารถในการทำ Packet Filtering (ซึ่งมีในเราเตอร์ส่วนใหญ่อยู่แล้ว)
-
คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นเราเตอร์
มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบกันดังนี้
|
-
บังคับใช้นโยบายด้านความปลอดภัย
โดยการกำหนดกฎให้กับไฟร์วอลล์ว่าจะอนุญาตหรือไม่ให้ใช้เซอร์วิสชนิดใด
-
ทำ
ให้การพิจารณาดูแลและการตัดสินใจด้านความปลอดภัยของระบบเป็นไปได้ง่ายขึ้น
เนื่องจากการติดต่อทุกชนิดกับเน็ตเวิร์กภายนอกจะต้องผ่านไฟร์วอลล์
การดูแลที่จุดนี้เป็นการดูแลความปลอดภัยในระดับของเน็ตเวิร์ก
(Network-based Security)
-
บันทึกข้อมูล กิจกรรมต่างๆ
ที่ผ่านเข้าออกเน็ตเวิร์กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ป้องกันเน็ตเวิร์กบางส่วนจากการเข้าถึงของเน็ตเวิร์กภายนอก
เช่นถ้าหากเรามีบางส่วนที่ต้องการให้ภายนอกเข้ามาใช้เซอร์วิส (เช่นถ้ามีเว็บเซิร์ฟเวอร์) แต่ส่วนที่เหลือไม่ต้องการให้ภายนอกเข้ามากรณีเช่นนี้เราสามารถใช้ไฟร์วอลล์ช่วยได้
-
ไฟร์วอลล์บางชนิด [1] สามารถป้องกันไวรัสได้
โดยจะทำการตรวจไฟล์ที่โอนย้ายผ่านทางโปรโตคอล HTTP, FTP และ
SMTP
|
Proxy หรือ Application
Gateway เป็นแอพพลิเคชันโปรแกรมที่ทำงานอยู่บนไฟร์วอลล์ที่ตั้งอยู่ระหว่างเน็ตเวิร์ก
2 เน็ตเวิร์ก ทำหน้าที่เพิ่มความปลอดภัยของระบบเน็ตเวิร์กโดยการควบคุมการเชื่อมต่อระหว่างเน็ตเวิร์กภายในและภายนอก
Proxy จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มากเนื่องจากมีการตรวจสอบข้อมูลถึงในระดับของแอพพลิเคชันเลเยอร์
(Application Layer)
เมื่อไคลเอนต์ต้องการใช้เซอร์วิสภายนอก
ไคลเอนต์จะทำการติดต่อไปยัง Proxy ก่อน
ไคลเอนต์จะเจรจา (negotiate) กับ Proxy เพื่อให้ Proxy ติดต่อไปยังเครื่องปลายทางให้ เมื่อ Proxy
ติดต่อไปยังเครื่องปลายทางให้แล้วจะมีการเชื่อมต่อ (connection)
2 การเชื่อมต่อ คือ ไคลเอนต์กับ Proxy และ Proxy
กับเครื่องปลายทาง โดยที่ Proxy จะทำหน้าที่รับข้อมูลและส่งต่อข้อมูลให้ใน
2 ทิศทาง ทั้งนี้ Proxy จะทำหน้าที่ในการตัดสินใจว่าจะให้มีการเชื่อมต่อกันหรือไม่
จะส่งต่อแพ็กเก็ตให้หรือไม่
รูปที่
10.3
ใช้ Dual-homed Host เป็น Proxy Server
ข้อดี-ข้อเสียของ Proxy
|
ข้อดี
|
- มีความปลอดภัยสูง
- รู้จักข้อมูลในระดับแอพพลิเคชัน
|
ข้อเสีย
|
- ประสิทธิภาพต่ำ
- แต่ละบริการมักจะต้องการโปรเซสของตนเอง
- สามารถขยายตัวได้ยาก
|
10.3.3 ไฟร์วอลล์แบบผสม
ไฟร์ววอลล์ทั้งสองแบบสามารถนำมาใช้ผสมผสานร่วมกันได้
เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานเครือ เช่น
เครือข่ายที่เฉพาะเครื่องลูกข่ายเท่านั้นที่จะเชื่อมต่ออินเทอรืเน็ต การใช้แพ็กเก็ตฟิลเตอร์ผสมกับพร๊อกซี่เซิร์ฟก็เพียงพอสำหรับการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย
พร้อมผู้บุกรุกต้องเจาะผ่านการป้องกันถึงสองชั้น
แต่ถ้าหากเครือข่ายนั้นมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้บริการ
เช่น ให้บริการเว็บบนอินเทอร์เน็ต การป้องกันจะใช้เราท์เตอร์สองตัวที่เป็นแพ็กเก็ตฟิลเตอร์
เข้ามาช่วยทำงานร่วมกับพร๊อกซี่เซิร์ฟเวอร์อีกที การใช้เราท์เตอร์สองตัว
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้จากอินเทอร์เน็ตเข้าถึงเครือข่ายภายในองค์กรได้โดยตรง
เพราะต้องผ่านการป้องกันสองชั้น คือ เราท์เตอร์ พร๊อกซี่เซิร์ฟเวอร์ และเราท์เตอร์
อย่างไรก็ตาม การที่เครือข่ายมีไฟร์วอลล์ที่ซับซ้อน
ผู้ดูแลระบบจะต้องมีความชำนาญสูง เพราะ การติดตั้งแต่ละส่วนต้องมีการตั้งค่าเฉพาะ
และต้องใช้เวลา และความชำนาญ
นอกจากค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์แล้วยังมีค่าใช้จ่ายของโปรแกรมที่ใช้เพื่อจัดการดูแลเครือข่ายที่มีราคาสูงอีกด้วย
10.4 การจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์
นอกจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว
การใช้งานระบบปฏิบัติการนั้น อาจเกิดปัญหาขึ้นเมื่องานไปได้สักระยะ
ซึ่งอาการที่แสดงนั้นก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งในหนังสือเล่มนี้
จะเน้นในส่วนของการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นของระบบปฏิบัติการ Windows
XP เท่านั้น ปัญหาที่มักพบหลังจากการใช้งานมีดังนี้ คือ
มีการแสดงข้อความเกี่ยวกับการทำงานที่ผิดพลาดของโปรแกรมต่างๆ
วินโดวส์เกิดอาการแฮงค์ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ช้ากว่าปกติ
การแก้ปัญหา Windows
ที่น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดคือ
เราต้องทำความเข้าใจประเด็นสำคัญที่ทำให้ Windows XP มีปัญหา
พยายามป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านั้น
แต่ในกรณีที่เกิดขึ้นแล้วก็ต้องรู้จักวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง
ซึ่งเราพอสรุปสาเหตูสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาใน Windows XP ได้
ดังนี้
- ใช้โปรแกรมที่ชำรุดหรือไฟล์ระบบมีปัญหา
- ใช้โปรแกรมรุ่นเก่าที่ไม่ได้ออกแบบมาให้ทำงานกับ
Windows
XP ได้อย่างสมบูรณ์
- โดนไวรัสสร้างความเสียหาย
- ติดตั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่มีปัญหา
- ปัญหาที่เกิดขึ้นจากข้อผิดพลาดและช่องโหว่ทางเทคนิคของ
Windows
XP เอง
สำหรับวิธีจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น
จะมีวิธีการดังนี้
- ขอคำแนะนำจากผู้ให้บริการหรือผู้ดูแล
- ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส
- ไม่ใช้งานโปรแกรมที่ไม่ทราบที่มา
- ไม่เปิดไฟล์ที่ไม่รู้จักที่แนบมากับอีเมล์
- ติดตั้งแพทย์ให้กับระบบปฏิบัติการและโปรแกรมที่ต้องการใช้
- ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์หรือหยุดการเชื่อมต่อเครือข่ายทันทีหลังการใช้งาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น