บทที่ 12 การออกแบบเครือข่าย
การต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในหน่วยงานหรือองค์การต่างๆ
สามารถทำได้หลายวิธี แต่ละวิธีก็สามารถใช้เครือข่ายได้เหมือนกัน
การออกแบบที่แตกต่างกันจะมีผลต่อการดูแลและการขยายเพิ่มเติมในอนาคตด้วย ดังนั้น การวางแผนการออกแบบจึงเป็นเรื่องสำคัญต่อการปรับปรุงเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายใดๆ
และการออกแบบเครือข่ายเป็นอีกส่วนที่มีความสำคัญต่อขั้นตอนการวางแผน
ไม่ว่าเครือข่ายนั้นจะเป็นเครือข่ายขององค์กรขนาดใหญ่หรือเครือข่ายขนาดเล็กก็ตาม
แต่ในหนังสือเล่มนี้จะกล่าวเฉพาะการออกแบบเครือข่ายขนาดเล็ก
และแนวทางการพัฒนาเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
12.1 เริ่มต้นการออกแบบเครือข่าย
การออกแบบระบบเครือข่ายนั้น ก็ขึ้นอยู่ว่าผู้ว่าผู้ดูแลระบบเข้าทำงานในบริษัทขนาดใด
ในขั้นนี้คิดว่าคงพอมองภาพเกี่ยวกับการออกแบบระบบเครือข่ายขนาดต่างๆ กันแล้ว โดยในการออกแบบระบบเครือข่ายนั้นผู้ดูแลระบบควรศึกษาและรู้จักสัญญาลักษณ์
ต่างๆ
12.1.1 ระบุความต้องการ
ก่อนการสร้างเครือข่าย
จำเป็นที่ต้องระบุสาเหตุที่ต้องการสร้างเครือข่ายก่อน หากว่าเป็นเครือข่ายขนาดเล็ก
เช่น เครือข่ายภายในบ้าน หรือองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก สาเหตูที่ต้องสร้างเครือข่ายอาจสั้นและเรียบง่าย
อาจต้องการใช้เครื่องพิมพ์และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตร่วมกัน ทำให้การตัดสินใจค่อนข้างง่ายเพียงแต่ให้น้ำหนักที่การ์ดเครือข่าย
สายสัญญาณตัวกลาง ฮับ
เทียบกับราคาซื้อเครื่องพิมพ์ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
จากนั้นจึงทำการสรุปการเปรียบเทียบ
12.1.2 การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับเครือข่าย
หลังจากขั้นตอนการระบุความต้องการในการสร้างเครือข่ายแล้ว
ต่อมาคือ การเลือกเทคโนโลยีและอุปกรณ์เพื่อการสร้างเครือข่าย เช่น หากต้องการสร้างเครือข่ายอีเทอร์เน็ตที่ใช้สัญญาณแบบ
UTP
Cat 5 ทั้งหมด 10 เครือข่าย
มีสายใยแก้วนำแสงเป็นแบ๊กโบนที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต จากข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้การประเมินค่าใช้จ่ายจากการซื้ออุปกรณ์
อย่างไรก็ตาม
ค่าใช้จ่ายในการสร้างเครือข่ายนั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้
โดยอาจอาจต้องทำการตรวจทานรายการอุปกรณ์ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องซ้ำอีกครั้ง
เพื่อที่จะทำการปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่าง
เพราะถ้าหากเริ่มต้นการสร้างเครือข่ายไปแล้ว
การปรับเปลี่ยนแก้ไขจะมีความยุ่งยากมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น
ถ้าหากสร้างเครือข่ายแลนภายใน
อาจต้องคิดว่าถ้าหากนำเครือข่ายไร้สายมาใช้จะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการเดินสายหรือไม่
ห้องที่จะสร้างระบบเครือข่ายมีแนวโน้มจะปรับปรุงห้องหรือไม่
ถ้าอาจต้องปรับปรุงห้องในอนาคต อาจต้องนำเครือข่ายแบบไร้สายมาใช้
เนื่องจากสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกและนำไปใช้ในที่ต่าง ๆ ได้อีก
ถ้าหากเป็นห้องประชุมก็ควรใช้ระบบเครือข่ายแบบไร้สาย เนื่องจากจะทำให้สามารถจัดรูปแบบของห้องประชุมได้หลายแบบตามต้องการ
12.2 การออกแบบเครือข่ายขนาดใหญ่
เป็นระบบเครือข่ายที่มีเครื่องลูกข่ายจำนวนมาก
และอาจมีการแบ่งเครือข่ายเป็นส่วนย่อย ๆ ตัวอย่างเช่น ระบบธนาคาร, บริษัทปูนซีเมนต์ไทย, บริษัทการบินไทย, บริษัทไอบีเอ็ม, กรมสรรพากร, เป็นต้น
ในการออกแบบระบบเครือข่ายแบบนี้จะมีความสลับซับซ้อนมากและคำนึงถึงระบบความ ปลอดภัยเป็นหลัก
การออกแบบระบบเครือข่ายขนาดใหญ่โดยใช้ Router
ระบบเครือข่ายขนาดใหญ่เป็นระบบที่มีความสลับซับซ้อนพอ สมควร แต่ละบริษัทจะมีการออกแบบที่ไม่เหมือนกันโดยทั่วไประบบเครือข่ายขนาดใหญ่จะ
มีการแบ่งกันอย่างชัดเจน ระหว่างห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Farm) และส่วนของฝั่งลูกข่าย (Client)
ระบบขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่จะมีสาขาย่อยตามต่างจังหวัด เชื่อมต่อมายังหน่วยงานกลางที่กรุงเทพฯ
ผ่านทางสื่อที่เรียกว่า เร้าเตอร์ (Router) การใช้เร้าเตอร์ต้องมีการเช่า สัญญาณ Leased Line ด้วย
โดยสรุปแล้ว
ขั้นตอนการออกแบบเครือข่าย โดยทั่วไปมีดังนี้
1.ระบุความต้องการที่ใช้งาน รวมทั้งความต้องการเชิงธุรกิจที่เครือข่ายสามารถตอบสนองได้
2.ออกแบบเครือข่ายที่สามารถตอบสนองความต้องการที่ระบุในหัวข้อก่อนหน้านี้
3.ประเมินราคาในการสร้างเครือข่ายที่ออกแบบไว้
4.เปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างผลประโยชน์ที่ได้จากการสร้างเครือข่ายกับค่าใช้จ่าย
5.ตรวจสอบการออกแบบว่าสามารถปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนใดเพื่อให้ผลประโยชน์ที่ได้รับเหมาะกับค่าใช้จ่าย
12.3 การออกแบบเครือข่ายขนาดเล็ก
การเชื่อมต่อแบบนี้ จะติดตั้งง่ายและถูกที่สุด
โดยในการสร้างระบบเครือข่ายนั้น เราเพียงแค่กำหนดอยู่แค่สองส่วนคือ “ค่า IP Address” เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
และเชื่อมต่อมายัง Hub/Switch โดยมีเครื่อง 1 เครื่อง(ที่ต่อโมเด็มอยู่)
เป็นเครื่องที่เชื่อมต่อไปยังเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แล้วทำการเปิดบริการ Internet
Connection Sharing (ICS) เพื่อทำการแชร์อินเทอร์เน็ตให้เครื่องลูกข่ายภายในเวิร์กกรุ๊ป (Workgroup) เดียวกัน
การเชื่อมต่อลักษณะนี้เหมาะสมสำหรับองค์การที่มีแผนกเดียว
12.3.1
การเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์
เครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันจะสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้อยู่แล้ว
โดยไม่ต้องการการ์ดเครือข่ายเพิ่มเติม สิ่งที่ควรพิจารณาต่อมาคือ ระบบปฏิบัติการ
ซึ่งโดยส่วนมากนิยมใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ทำให้ไม่มีปัญหาในการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์
แต่หารว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายใช้ระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันจะต้องมีการตั้งค่าเพิ่มเติมเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันสามารถสื่อสารกันได้
12.3.2 การเลือกรูปแบบการต่อและโปรโตคอล
การต่อระบบเครือข่ายสามารถทำได้หลายวิธี
ควรเลือกลักษณะการต่อที่เหมาะสมกับงานและการต่อแต่ละรูปแบบก็จะใช้โปรโตคอลที่แตกต่างกัน
โปรโตคอลในระดับ Data link ในโมเดล OSI ที่ใช้ภายในเครือข่ายเป็นปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง
เพราะโปรโตคอลที่ใช้นั้นจะส่งผลต่อการเลือกอุปกรณ์เครือข่าย วิธีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่าย
ความเร็วในการรับส่งข้อมูล ซึ่งโปรโตคอลในระดับ Data link
ที่นิยมใช้ คือ อีเทอร์เน็ตโปรโตคอล (Ethernet Protocol: IEEE802.3)
12.3.3
การเลือกตัวกลาง
ตัวกลางที่ใช้จะขึ้นกับโปรโตคอลในระดับชั้น
Data
link สำหรับอินเทอร์เน็ตโปรโตคอล
ตังกลางที่นิยมใช้ในกรณีที่เป็นตัวกลางแบบใช้สายสัญญาณ คือ
สานสัญญาณแบบสายคู่บิดเกลียวแบบ UTP ที่สามารถรับส่งข้อมูลได้
100 Mbps สำหรับอีเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Fast
Ethernet) หรือ 1000 Mbps สำหรับกิกะบิตอีเทอร์เน็ต
(Gigabit Ethernet) ส่วนตัวกลางแบบไร้สายก็สามารถใช้ได้
เช่นเดียวกัน แต่จะมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดอย่างที่ 54 Mbps สำหรับ IEEE802.11g
12.3.4 การขยายเครือข่าย
การขยายเครือข่ายจำเป็นต้องมีการวางแผนรองรับไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ยังไม่ติดตั้งเครือข่าย
แม้ว่าจะเป็นการขยายเครือข่ายขนาดเล็ก ตัวอย่างเช่น
อาจมีการซื้อฮับที่มีจำนวนพอร์ตมากขึ้นก็เพียงพอสำหรับการขยายเครือข่ายแล้ว
แต่ในกรณีของเครือข่ายขนาดใหญ่ การวางแผนรองรับการขยายเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก
เพราะต้องพิจารณาหลายปัจจัยมากขึ้น เช่น เครือข่ายอีเทอร์เน็ตสามารถติดตั้งฮับได้สูงสุด
4 ตัว หากการติดตั้งเครือข่ายนั้น ได้ติดตั้งฮับไว้ 4 ตัวแล้ว จะส่งผลไม่ให้สามารถติดตั้งฮับเพิ่มอีกได้
จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้ฮับที่มาจำนวนพอร์ตมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนการใช้ฮับ
จะส่งผลต่อการวางสายสัญญาณตัวกลางที่ต้องเปลี่ยนแปลงตามไปอีกด้วย เป็นต้น
12.4 แนวทางการขยายเครือข่าย
ระบบเครือข่ายของหน่วยงานบางหน่วยงานอาจมีเครือข่ายแค่เครือข่ายเดียว
บางหน่วยงานอาจต้องนำเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายมาต่อรวมกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่
สำหรับระบบเครือข่ายแลนแบบมีสายที่เป็นตามมาตรฐาน IEEE ได้แก่
มาตรฐาน IEEE802.3 หรือที่เรียกชื่อว่า เครือข่ายแบบ Ethernet
ที่นิยมใช้กันมี 3 ประเภท ได้แก่ 10
Base T,10 Base 2 และ 10 Base 5 ตัวเลขที่นำหน้าหมายถึงความเร็ว
เช่น 10 หมายความว่ามีความเร็ว 10 Mbps คำว่า Base หมายความว่าเป็นเครือข่ายแบบ Baseband
ส่วนตัวเลขที่ตามหลังหมายถึงระยะทางไกลสุดที่สามารถต่อได้
โดยให้คูณด้วย 100 แล้วมีหน่วยเป็นเมตร ถ้าหากเป็นมาตรฐาน 10
Base 5 หมายความว่าส่งด้วยความเร็ว 10
Mbps และไปได้สูงสุด 500 เมตร สำหรับตัว T
หมายความว่าเป็นการใช้สายแบบ Twisted Pair
แต่ถ้าหากระบบของเราไม่ต้องการความเร็วมาก
ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เส้นใยแก้วนำแสงก็ได้
โดยทั่วไปแล้วการพิจารณาว่าจะนำระบบใยแก้วนำแสงมาใช้หรือไม่จะพิจารณาดังนี้
1. ต้องการระบบที่มีความเร็วสูงหรือไม่
2. ระยะทางที่เชื่อมต่ออยู่ไกลมากหรือไม่
3. ต้องการระบบที่มีความปลอดภัยสูงหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น