วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

บทที่ 13 ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต



บทที่ 13 ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต


13.1 ที่มาของอินเทอร์เน็ต
      อินเทอร์เน็ต คือ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก โดยจะเป็นการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องจากทั่วโลกมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยให้สามารถติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ทั่วโลก ในการติดต่อกันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องมีการระบุว่า ส่งมาจากไหน ส่งไปให้ใครซึ่งต้องมีการระบุ ชื่อเครื่อง (คล้ายกับเลขที่บ้าน) ในอินเทอร์เน็ตใช้ข้อตกลงในการติดต่อที่เรียกว่า TCP/IP (ข้อตกลงที่ทำให้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันได้) ซึ่งจะใช้สิ่งที่เรียกค่า ไอพี-แอดเดรส” (IP-Address) ในการระบุชื่อเครื่องจะไม่มีเบอร์ที่ซ้ำกันได้

ประวัติของอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ตกำเนิดขึ้นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2512 โดยองค์กรทางทหาร ของสหรัฐอเมริกา ชื่อว่า ยู.เอส.ดีเฟนซ์ ดีพาร์ทเมนท์ ( U.S. Defence Department ) เป็นผู้คิดค้นระบบขึ้นมา มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อให้มีระบบเครือข่ายที่ไม่มีวันตายแม้จะมีสงคราม ระบบการสื่อสารถูกทำลาย หรือตัดขาดแต่ระบบเครือข่ายแบบนี้ยังทำงานได้ซึ่งระบบดังกล่าวจะใช้วิธีการส่งข้อมูลในรูปของคลื่นไมโครเวฟ ฝ่ายวิจัยขององค์กรจึงได้จัดตั้งระบบเน็ตเวิร์กขึ้นมา เรียกว่า ARPAnet ย่อมาจากคำว่า Advance Research Project Agency net ซึ่งประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมในหมู่ของหน่วยงานทหาร องค์กร รัฐบาล และสถาบันการศึกษาต่างๆ เป็นอย่างมาก

           การเชื่อมต่อในภาพแรกแบบเดิม ถ้าระบบเครือข่ายถูกตัดขาด ระบบก็จะเสียหายและทำให้การเชื่อมต่อขาดออกจากกัน แต่ในเครือข่ายแบบใหม่ แม้ว่าระบบเครือข่ายหนึ่งถูกตัดขาด เครือข่ายก็ยังดำเนินไปได้ไม่เสียหาย เพราะโดยตัวระบบก็หาช่องทางอื่นเชื่อมโยงกันจนได้ในระยะแรก เมื่อ ARPAnet ประสบความสำเร็จ ก็มีองค์กรมหาวิทยาลัยต่างๆ ให้ความสนใจเข้ามาร่วมในโครงข่ายมากขึ้น โดยเน้นการรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic Mail ) ระหว่างกันเป็นหลัก ต่อมาก็ได้ขยายการบริการไปถึงการส่งแฟ้มข้อมูล
สารและส่งข่าวสารความรู้ทั่วไป แต่ไม่ได้ใช้ในเชิงพาณิชย์ เน้นการให้บริการด้านวิชาการเป็นหลัก

       ปี พ.ศ. 2523 คนทั่วไปเริ่มสนใจอินเทอร์เน็ตมากขึ้น มีการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในเชิงพาณิชย์ มีการทางธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต บริษัท ห้างร้านต่างๆ ก็เข้าร่วมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมากขึ้น

อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
ประเทศไทยได้เริ่มติดต่อกับอินเทอร์เน็ตในปี พ.ศ. 2530 ในลักษณะการใช้บริการ จดหมายเล็กทรอนิกส์แบบแลกเปลี่ยนถุงเมล์เป็นครั้งแรกโดยเริ่มที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ( Prince of Songkla University ) และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียหรือสถาบันเอไอที ( AIT ) ภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและออสเตรเลีย ( โครงการ IDP ) ซึ่งเป็นการติดต่อเชื่อมโยงโดยสายโทรศัพท์ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2531 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ได้ยื่นขอที่อยู่อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย โดยได้รับที่อยู่อินเทอร์เน็ต Sritrang.psu.th ซึ่งนับเป็นที่อยู่อินเทอร์เน็ตแห่งแรกของประเทศไทย ต่อมาปี พ.ศ. 2534 บริษัท DEC ( Thailand ) จำกัดได้ขอที่อยู่อินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ประโยชน์ภายในของบริษัท โดยได้รับที่อยู่อินเทอร์เน็ตเป็น dect.co.th โดยที่คำ “th” เป็นส่วนที่เรียกว่า โดเมน ( Domain ) ซึ่งเป็นส่วนที่แสดงโซนของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย โดยย่อมาจากคำว่า Thailand


 ประโยชน์การใช้งานอินเทอร์เน็ต
           อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องเทคโนโลยีสื่อสารที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้แกผู้ใช้บริการ  ในลักษณะของการสื่อสารที่ผ่านทางคอมพิวเตอร์  และช่องทางการสื่อสารชนิดต่างๆ  ไม่ได้เป็นการสื่อสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่งโดยตรง  จึงทำให้เกิดทั้งประโยชน์และโทษในการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต
13.2.1 ด้านการสื่อสาร
อินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนชุมชนแห่งใหม่ของโลก มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา มีการนำ เสนอบริการใหม่ๆ ให้สมาชิกในเครือข่ายได้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างบริการที่เป็นที่นิยมใช้กันมีดังนี้



ด้านการสื่อสาร
13.2.2 แหล่งความรู้
          อินเทอร์เน็ตเป็นเหมือนแหล่งความรู้ ที่มีข้อมูลมากมายที่เราสามารถนำมาใช้ได้ซึ่งไม่เป็นเพียงข้อความเท่านั้น แต่มีทั้งเสียง ภาพ และภาพยนตร์ แหล่งข่าวสารและความบันเทิง เราสามารถติดตามข่าวล่าสุด ดูหนังฟังเพลง และภาพยนตร์ล่าสุด ไม่ว่าจากในประเทศ หรือต่างประเทศได้




13.2.3 การให้ความบันเทิง(Entertain) 
     ในอินเตอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงในทุกรูปแบบต่างๆ เช่น เกมส์ เพลง รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด24ชั่วโมงและจากแหล่งต่างๆทั่วทุกมุมโลก ทั้งประเทศไทย อเมริกา ยุโรปและออสเตรเลีย เป็นต้น




13.2.4 การซื้อขายสินค้าและบริการ (Electronic Commerce : E-Commerce)
เป็นการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านเครือข่าย เช่น ขายหนังสือ คอมแพคดิสก์คอมพิวเตอร์ การท่องเที่ยว ฯลฯ ปัจจุบันมีบริษัทชั้นนานับหมื่นแห่งใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการทาธุรกิจและประสบผลสำเสร็จเช่นAmazon.com, Dell Computer, Gateway Computer เพราะสามารถให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง จนมีการกล่าวว่านี่คือ ยุคของธุรกิจดอทคอม และเป็นกระแสความนิยมที่แพร่ไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
 



          13.2.5 อีเมล์ -ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic mail : E-mail)
เป็นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยผู้ส่งจะต้องส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ (E-mail Address) ซึ่งมีรูปแบบเป็นusername@serviceprovider เช่นsombat@hotmail.com,arnon@thaimail.co.th, narak@gmail.com ผู้รับจะได้รับจดหมายภายในเวลาไม่กี่วินาที (ถ้าผู้รับเปิดดูตู้จดหมายนั้น) แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลกนอกจากนั้นยังสามารถส่งแฟ้มข้อมูลหรือไฟล์แนบไปกับอีเมล์ได้อีกด้วยง่ายกว่าการรับ-ส่งแฟกซ์เสียอีก

13.2.6 สื่อสารกับผู้อื่นแบบทันทีทันใด
อินเทอร์เน็ตนอกจากมีความสามารถในการใช้เพื่อการสื่อสารกับผู้อื่นได้ ไม่ว่าจะอยู่ไกลเพียงใดก็ตาม เช่น การส่งเป็นอีเมล์ การ์ดอวยพรที่มีเสียงและภาพเคลื่อนไหวแล้ว อินเทอร์เน็ตยังมีบริการสนทนาออนไลน์ ที่เป็นการสื่อสารแบบโต้ตอบกับผู้อื่นแบบทันทีทันใด (Instant Message: IM) ด้วย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถหาเพื่อนใหม่ทางอินเทอร์เน็ต และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเขาได้ด้วย





13.3 การทำงานของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
        เราอาจสงสัยว่าอินเทอร์เน็ตทำงานอย่างไร คอมพิวเตอร์จำนวนมากที่เชื่อมต่อกันจึงสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างถูกต้อง คำตอบคือเทคโนโลยีที่ใช้มีส่วนสำคัญมาก
         
13.3.1 TCP/IP ภาษากลางบนอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบัน มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตนับล้านคนทั่วโลก ซึ่งแต่ละคนก็ใช้คอมพิวเตอร์ต่างรุ่นต่างแบบกันไป เมื่อเราต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านี้เข้าด้วยกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีกติกากลางเพื่อให้คอมพิวเตอร์ แต่ละเครื่องสามารถเข้าใจกันได้ ซึ่งในกติกากลางนี้มีชื่อเรียนทางเทคนิคว่า โปรโตคอล (Protocol)


สำหรับโปรโตคอลมาตรฐานที่ใช้ในการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตมีชื่อเรียกว่า TCP/IP (อ่านว่า ทีซีพี ไอพี) การทำงานของโปรโตคอล TCP/IP จะแบ่งข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์จะส่งไปอีกเครื่องเป็นส่วนย่อยๆ (เรียกว่า แพ็คเก็ต : packet) และส่งไปตามเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยกระจายแพ็คเก็ตเหล่านี้จะไปรวมกันที่ปลายทางและถูกนำมาประกอบกันเป็นข้อมูลที่สมบูรณ์อีกครั้ง
รับส่งข้อมูลได้ถูกที่ด้วย IP Address
อีกคำถามหนึ่งที่เราอาจสงสัยเกี่ยวกับการทำงานของอินเทอร์เน็ต นั่นคือคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องที่เชื่อมต่อกันรู้ที่อยู่ของเครื่องอื่นได้อย่างไร เช่นเดียวกับการติดต่อหาบ้านหลังหนึ่งในเมืองขนาดใหญ่ให้พบ เราจำเป็นต้องทราบข้อมูล เช่น บ้านเลขที่ ถนน เป็นต้น สำหรับอินเทอร์เน็ตก็เช่นกัน เมื่อเราต้องการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เราต้องทราบที่อยู่ของมันบนอินเทอร์เน็ตที่มีชื่อเรียกทางเทคนิคว่า ไอพี แอดเดรส (IP Address)

โดเมนเนม
ถึงแม้อินเทอร์เน็ตจะใช้ไอพีแอดเดรสในการทำงาน แต่เป็นตัวเลขที่ยาวทำให้ผู้ใช้จำยาก จึงได้มีการใช้โดเมนเนม (Domain Name) หรืออินเทอร์เน็ตแอดเดรสมาใช้ ซึ่งเป็นการนำตัวอักษรที่จำง่ายมาใช้แทนไอพีแอดเดรส โดเมนเนมจะไม่ซ้ำกัน และมักถูกตั้งให้สอดคล้องกับชื่อบริษัท หรือองค์กรผู้เป็นเจ้าของเพื่อสะดวกในการจดจำชื่อ เช่น บริษัท ซัคเซส มีเดีย มีโดเมนเนม successmedia.com และองค์กรการอวกาศแห่งสหรัฐ (NASA) มีโดเมนเนม nasa.gov เป็นต้น

13.4 ประเภทของการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่อผ่านทางผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการการเชื่อมต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ไอเอสพี (ISP) จะเป็นองค์กรๆ หนึ่งที่ทำการติดตั้งและดูแลเครื่องสำหรับให้บริการ (Server) ที่ต่อตรงเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งอนุญาตให้ผู้สมัครเป็นสมาชิกขององค์กรนำระบบของตนเข้ามาเชื่อมต่อได้ ISP จึงเปรียบเสมือนช่องทางผ่านเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งหลังจากที่เราเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตได้แล้ว เราก็สามารถจะเชื่อมต่อไปยังที่ใดก็ได้ในระบบ
ในการเชื่อมต่อผ่านทาง ISP นี้ยังแบ่งลักษณะการเชื่อมต่อออกเป็น 2 ประเภท ตามความต้องการใช้งานของสมาชิก ดังนี้
           -การเชื่อมต่อแบบองค์กร (Coorporate User Services) เป็นองค์กรที่มีการจัดตั้งระบบเครือข่ายใช้งานภายในองค์กรอยู่แล้ว จะสามารถนำเครื่องแม่ข่าย (Server) ของเครือข่ายนั้นๆ เข้าเชื่อมกับ ISP เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้ 
 -การเชื่อมโยงส่วนบุคคล (Individual User Services) บุคคลธรรมดาทั่วไปสามารถขอเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ตได้ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่เชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์ ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่าโมเด็ม (Modem) ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก โดยติดต่อขอใช้บริการผ่านการสมัครเป็นสมาชิกของ ISP ซึ่งอาจจะเป็นสมาชิกรายชั่วโมง รายเดือน หรือเป็นลักษณะสมาชิกสำเร็จรูป แล้วแต่ทาง ISP นั้นๆ จะให้บริการ โดยทาง ISP จะให้ชื่อบัญชี (Internet Account Name) และรหัสผ่าน (Password) สำหรับสมาชิกแต่ละคนสำหรับใช้ในการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต  




13.5 การเตรียมตัวเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
 สิ่งที่จะต้องเตรียมก่อนการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต คือ อุปกรณ์ด้านฮาร์ดแวร์ (Hardware)ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ โมเด็ม สายโทรศัพท์ และสิ่งที่จะต้องเตรียมและขาดไม่ได้อีกอย่างคือ โปรแกรม ซึ่งโปรแกรมสำหรับช่วยในการติดต่อสื่อสาร ในการจัดเตรียมอุปกรณ์และโปรแกรมสำหรับเชื่อมต่อเข้ากับระบบอินเตอร์เน็ตนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ว่าต้องการให้การเชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมีประสิทธิภาพแค่ไหน
          สำหรับการจัดเตรียมอุปกรณ์และโปรแกรมที่ใช้สำหรับติดต่อผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพื่อให้สามารถ ใช้งานในการติดต่อผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ ดังนี้

1. เครื่องคอมพิวเตอร์
        เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ขายกันท้องตลาดส่วนใหญ่จะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทั้งสิ้น คุณสมบัติของเครื่อง อย่างน้อยควรเป็น Pentium II ขึ้นไป มีหน่วยความจำไม่ต่ำหว่า 64 Mb



2. โมเด็ม (Modem)
        โมเด็ม เป็นอุปกรณ์ในการส่งข้อมูลโดยแปลงสัญญาณ ดิจิตอลพอร์ตอนุกรมเป็นสัญญาณอนาล็อกส่งออกไปตามสายตัวโทรศัพท์และเมื่อถึง โมเด็มปลายทาง ตัวโมเด็มก็จะ แปลงสัญญาณอนาล็อกกลับเป็นดิจิตอลอีกครั้ง โมเด็มมีให้เลือกใช้งาน 2 แบบ คือ
          2.1 โมเด็มภายนอก (External Modem) เป็นโมเด็มที่ติดตั้งอยู่ภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ ติดตั้งง่าย การทำงานจะมีประสิทธิภาพดี ข้อเสีย คือ มีราคาแพง ซึ่งสามารถติดต่อได้ทั้งพอร์ต Com 1 และพอร์ต Com 2

2.2 โมเด็มภายใน (Internal Modem) เป็นโมเด็มที่ติดตั้งภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นการ์ด ข้อดี มีราคาถูก แต่ติดตั้งลำบาก และมีประสิทธิภาพการใช้งานต่ำกว่าโมเด็มภายนอก มีลักษณะเป็นการ์ดเสียบเหมือนกับการ์ด ทั่วๆไปเหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์พอสมควร เพราะโมเด็มประเภทนี้จะติดตั้งยากและ มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับการชนกันระหว่างอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆโมเด็มที่ใช้งานควรมีคุณลักษณะตามมาตรฐาน ดังนี้
        1. ความเร็วไม่น้อยกว่า 56 Kbps
        2. อย่างน้อยต้อง ใช้กับ Protocol v.90
        3. รับ-ส่ง Fax 14.4 Kbps ตามมาตรฐาน v.7 ขึ้นไป
        4. มีมาตรฐานของ v.42 (Correction) และ v.42 bus (Compression)


13.5.3 หมายเลขโทรศัพท์
หมายเลขโทรศัพท์1หมายเลขที่ใช้ปกติอยู่ตามบ้านหรือจะเช่าคู่สายโทรศัพท์สำหรับ เชื่อมต่อสัญญาณกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือ ISP เพิ่มก็ได้ เพราะจะได้แยกการใช้โทรศัพท์ธรรมดากับโทรศัพท์ที่ใช้กับเครื่องต่ออินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตามคู่สาย โทรศัพท์ยังมีการให้เลือกใช้อีกหลายระดับซึ่งสามารถเช่าคู่สายเฉพาะที่จะใช้ต่อเชื่อมสำหรับระบบ คอมพิวเตอร์ เช่น สายต่อลีดส์ลาย (Leased Line) สายจากระบบ Data Net และสายแบบ ISDN (Integrated Service Digital Network) เป็นต้น แต่การใช้คู่สายพิเศษดังกล่าวจะต้องมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ใน ระดับองค์กรมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป
13.5.4 สมัครสมาชิกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
หลังจากที่เราได้เตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการติดต่อขอใช้บริการอินเทอร์เน็ตสำหรับนักศึกษาก็อาจสมัครเป็นสมาชิกอินเทอร์เน็ตได้กับศูนย์คอมพิวเตอร์ของสถาบันโดยตรงและสำหรับบุคคลทั่วไปขอสมัครเป็นสมาชิกกับบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์



13.6 กําหนดค่าสำหรับเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต

การตั้งค่าการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
Windows 95/98 > เพื่อทำการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
               1. ไปที่ Desktop แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน My Computer



2. ที่หน้าต่าง My Computer นี้ ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Dial-Up Networking


                  3. ที่หน้าต่าง Dial-Up Networking ให้คลิกเมาส์ปุ่มขวาที่ไอคอน True Internet หลังจากนั้นเลือก Properties
 


4. ที่หน้าต่าง True Internet นี้ แล้วให้เลือกแท็ป General
ในช่อง Area Code พิมพ์ 02
ในช่องTelephone number
พิมพ์   640-8000 สำหรับสมาชิก และชุด Cool Kit รองรับโมเด็ม 56 K Flex และ 56 K V.90
พิมพ์   640-8001 สำหรับสมาชิก และชุด Cool Kit รองรับโมเด็ม 56 K X2 และ 56 K V.90
พิมพ์   640-8008 สำหรับเครือข่าย Local Net และชุด Local Kit รองรับโมเด็ม  V.90
พิมพ์   640-8088 สำหรับเครือข่าย Cable Modem (เส้นทางส่งกลับใน cable modem หรือReturn path) รองรับโมเด็ม  V.90
พิมพ์   640-8009, 640-8080, 640-8081 สำหรับผู้ใช้ Corporate Fix IP รองรับโมเด็ม  V.90
(สำหรับระบบโทรศัพท์ที่ผู้ใช้ต้องกด 9 เพื่อโทรออกไปนอกหน่วยงาน  คุณต้องพิมพ์ 9 นำหน้าหมายเลขที่คุณต้องการโทรออก)
ในช่อง Country code        เลือก Thailand (66)
ในช่อง Connect using      ควรเป็นชื่ออุปกรณ์โมเด็มของคุณ
หลังจากนั้นคลิกที่ปุ่ม [Configure…]






5. ที่หน้าต่าง Modem Properties เลือกแท็ป General
ตรวจดูที่ช่อง Port   จะต้องเป็น Port เดียวกับที่คุณต่อโมเด็มไว้
ตรวจดูที่ช่อง Maximum speed คุณต้องเลือกความเร็วให้เหมาะสมกับโมเด็มของคุณ






6. ที่หน้าต่าง Modem Properties เลือกแท็ป Options จากนั้นทำเครื่องหมายที่ช่อง “Display Modem Status” หลังจากนั้นคลิกที่ปุ่ม [OK]




7. ที่หน้าต่าง True Internet เลือกแท็ป Server Typesในช่อง Type of Dial-Up Server ให้เลือกข้อความดังนี้ PPP: Internet, Window NT server, Windows 95/98
ในช่อง Advanced options ให้คุณทำเครื่องหมายที่ช่อง Enable software compression
ในช่อง Allowed network protocols ให้คุณทำเครื่องหมายที่ช่อง TCP/IP
หลังจากนั้นคลิกที่ปุ่ม [TCP/IP settings]






8. ที่หน้าต่าง TCP/IP settings
ทำเครื่องหมายที่ช่อง “Server assigned IP address”
ทำเครื่องหมายที่ช่อง “Specify name server addresses”
ในช่อง    Primary DNS              พิมพ์      203.144.207.29
ในช่อง    Secondary DNS          พิมพ์      203.144.207.49
ทำเครื่องหมายที่ช่อง “Use IP header compression”
ทำเครื่องหมายที่ช่อง “Use default gateway on remote network”
หลังจากนั้นคลิกที่ปุ่ม [OK] ไปทุกครั้งจนกว่าคุณจะออกไปสู่หน้าต่าง The Internet Properties




9. ที่หน้าต่าง Dial-Up Networking นี้ ให้คุณดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน True Internet
 




13.7 การหมุนโทรศัพท์และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
        หลังจากที่ได้ทำการติดตั้งค่าต่างๆ ใน Dial-Up Networking แล้ว เมื่อเราต้องการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ส่งให้คอมพิวเตอร์หมุนโทรศัพท์เข้าไปที่ศูนย์บริการอินเทอร์เน็ต เพื่อทำการเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ตได้ทันที
ยกเลิกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
          เมื่อเราทำการหมุนโทรศัพท์เพื่อทำการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เราจะถูกนับจำนวนชั่วโมงการใช้งานโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เมื่อไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ต เราควรยกเลิกการเชื่อมต่อโดยดับเบิ้ลคลิกที่ปุ่ม รูปคอมพิวเตอร์สองตัว บริเวณทาสก์บาร์ จากหน้าต่าง Status ของการเชื่อมต่อ ให้เราคลิกเมาส์ที่ปุ่ม Disconnect เพื่อยกเลิกการเชื่อมต่อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น