บทที่ 9 ระบบปฏิบัติการเครือข่าย
ระบบปฏิบัติการเครือข่ายในปัจจุบันมี 3 ค่ายหลักๆ คือ Windows, Netware และ UNIX ซึ่งได้รับการพัฒนาความสามารถเพิ่มขึ้นหลายครั้งในหลายปีที่ผ่านมา
จนถึงปัจจุบัน ในบทนี้เราจะมาดูพัฒนาของแต่ละระบบปฏิบัติการรวมถึงจุดเด่นของแต่ละระบบปฏิบัติการ
9.1 Microsoft Windows
Microsoft Windows เป็นชื่อเรียกของระบบปฏิบัติการจากบริษัทไมโครซอฟท์ ซึ่งมีหลายรุ่นมาก
วินโดวส์รุ่นแรกออกมาปลายปี 1985 ทำงานบน MS-DOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นแรกของไมโครซอฟท์ก่อนที่จะเป็นวินโดวส์ (MS-DOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้คีย์บอร์ดในการพิมพ์คำสั่งสั่งงาน เช่น copy,
delและ อื่นๆ)
สัญลักษณ์ของระบบปฏิบัติการวินโดวล์ในยุคแรก
ตัวอย่างหน้าจอของระบบปฏิบัติการ
MS-DOS
ปัจจุบัน Microsoft
Windows กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่มีผู้นิยมใช้กันมากที่สุด ประมาณ 90%
ของผู้ใช้ทั่วโลก ระบบปฏิบัติการตัวนี้ เหนือกว่าคู้แข่งขันอย่าง OS/2 และ Mac OS ที่เป็นระบบปฏิบัติการในลักษณะเดียวกัน
และออกมาก่อน Microsoft Windows
การเปลี่ยนแปลงของ Microsoft
Windows
Microsoft
Windows
ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากวินโดวส์ในยุคเริ่มต้นหลาย ๆ ด้าน ดังนี้
9.1.1
ยุคคอมพิวเตอร์ 16-bit
Windows
1.0 ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ตัวแรกของไมโครซอฟท์ ทำงานแบบป้อนคำสั่งด้วย
เมาส์และคีย์บอร์ดในรูปแบบกราฟิก ในเริ่มต้นวินโดวส์จะทำงานบน MS-DOS อีกที่หนึ่ง ดังนั้น การจัดการไฟล์จึงเป็นบทบาทหน้าที่ของ MS-DOS เพียงแต่เราสั่งคำสั่งได้ง่ายขึ้นทางวินโดวส์ แต่ถึงแม้วินโดวส์จะทำงานบน MS-DOS
แต่ก็มีความสามารถหลายอย่างเพิ่มขึ้นมาที่ MS-DOS ไม่มี เช่นการทำบนวินโดวส์หลายๆ หน้าต่าง (multi tasking) การใช้หน่วยความจำเสมือน (Virtual Memory)
ทำให้โปรแกรมที่ใช้หน่วยความจำมากและทำงานบน MS-DOS ไม่ได้สามารถทำงานบนวินโดวส์แทนได้การสลับ
(Swap) ข้อมูลในหน่วยความจำ ทำให้ข้อมูลที่ไม่ได้ใช้ในเวลาถูกนำไปเก็บที่อื่น
และพื้นที่ว่างของหน่วยความจำสามารถใช้ได้เต็มที่กับโปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่สำหลับ Windows 1.0 เริ่มต้นจำหน่วยครั้งแรกในปี
1985 ต่อมาอีก 2 ปี ในปี 1987
Windows 2.0 ก็ออกมา ซึ่งทั้งสองเวอร์ชันทำงานบนชีพียูตระกูล
286 เหมือนกัน ดังรูปที่ 9.2
9.1.2 ยุคผสมคอมพิวเตอร์
16/32-bit
อยู่ในยุคปี 1990
ถึงปี 1995 เป็นวินโดวส์ที่สามารถทำงานบนซีพียู
386 ซีพียูที่ทำงานกับคำสั่งแบบ 32 บิต
ใช้ช่วงยุคนี้วินโดวส์ได้พัฒนาและเริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย อย่างเช่น Windows 3.0 (1990) และ Windows 3.1 (1992)
ซึ่งขนาดนั้นทำงานอยู่บนซีพียู 386
9.1.3 ยุคคอมพิวเตอร์
32-bit สาย Home User
ในยุคนี้อยู่ในช่วงกลางและปลายของทศวรรษที่
90
เนื่องจากวินโดวส์ที่ทำงานบน MS-DOS มีความจำกัดหลายด้าน
ไมโครซอฟท์จึงได้พยายามลดบทบาทของ MS-DOS ลงและให้วินโดวส์
มีความสามารถเพิ่มขึ้น โดยสามารถบู๊ทเข้ามาเป็นวินโดวส์ได้เลย
ซึ่งต่างจาดเติมที่ต้องบู๊ทเป็น MS-DOS
ก่อนแล้วจึงเรียกวินโดวส์ขึ้นทำงาน
นอกจากนี้ยังเปลี่ยนจาการใช้
MS-DOS ในการจัดการไฟล์ โดยหันมาใช้วินโดวส์ในการจัดการแทน
ทำให้การตั้งชื่อไฟล์เปลี่ยนรูปแบบ จากเดิมที่เป็นชื่อไฟล์ 8.3 กลายเป็นการติดตั้งชื่อไฟล์แบบยาวๆ ได้
ระบบการจัดการไฟล์ก็ถูกเปลี่ยนเป็นแบบ
FAT32
ซึ่งทำงานแบบ 32 บิต แทนที่ระบบ FAT เดิมที่ทำงาน 16 บิต วินโดวส์ในยุคนี้ เช่น Windows 95 (1995), Windows 98 (1998) และ Windows Millennium (Me) (2000) ทำงานบนซีพียู 32 บิต เช่น 486 และ Pentium
9.1.4 ยุคคอมพิวเตอร์
32-bit สาย IP Professional
นอกจากระบบปฏิบัติการวินโดวส์ธรรมดาที่ใช้กับงานทั่วๆ
ไปแล้ว ไมโครซอฟท์ยังได้ออกระบบปฏิบัติการอีกชุดหนึ่งที่เป็นตัวคู่ขนานกัน คือ
ระบบปฏิบัติการ Windows NT ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่มีความสามารถด้านเครือข่ายสูงกว่าวินโดวส์ปกติ
Windows NT
เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ในการดูแลระบบเครือข่าย
มีความสามารถในด้านการบริการ (serve) มีความเสถียร
และระบบรักษาความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับผู้ดูแลระบบใช้จัดตั้งเครื่องเชิร์ฟเวอร์ในองค์กร
Windows NT
รุ่นแรก คือ Windows NT 3.1 (1993) ตั้งเลขเวอร์ชันเป็น 3.1 ตาม Windows 3.1 หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ
เป็น NT 3.5 (1994), NT 3.51 (1995), และ NT 4.0 (1996) โดย NT 4.0 จะมีหน้าตาเหมือน
Windows 95 ในเวลานั้น
9.1.5 ยุครวมคอมพิวเตอร์
32-bit
ไมโครซอฟท์พยายามจะรวมระบบปฏิบัติการทั้งสองสายนี้
โดยความพยายามแรกของไมโครซอฟท์คือ Windows 2000
ออกมาทั้งแบบ Home และ Business แต่ล้มเหลว เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังชินกับการใช้งานของ Windows Me แต่ Windows 2000 มีการใช้งานเหมือน NT มากกว่า
ด้วยเหตุนี้ทำให้ไมโครซอฟท์จึงพัฒนา
Windows Me ตัวใหม่ เป็น Windows eXPerience
(XP) (2001) ส่วน Window.s 2000 ก็พัฒนาต่อเป็น Windows 2003
ที่มีหน้าตาการทำงานเหมือน Windows XP
9.1.6 ยุคต่อไปคอมพิวเตอร์
64-bit
ในยุคนี้การทำงานของซีพียูจะขยายขีดความสามารถเพิ่มมากขึ้นเป็น
64
บิต ระบบปฏิบัติการจึงต้องพัฒนาตามไปด้วย
เริ่มต้นไมโครซอฟท์ได้ออกเวอร์ชัน XP64 ซึ่งเป็น Windows XP แบบ 64 บิต
แต่วินโดวส์ตัวนี้ไม่ใช่เป้าหมายของไมโครซอฟท์
ตัวที่เป็นเป้าหมายมากที่สุดของไมโครซอฟท์ในเวลานี้ก็คือ
Windows
Vista ที่มีทั้งแบบ 32 บิตและ 64 บิตโดย Vista จะเป็นระบบปฏิบัติการตัวแรกที่รวมความสามารถของระบบปฏิบัติการทั้งสองสายไว้โดยการใช้งานจะเป็นแบบที่เราคุ้นเคยมาจาก
XP ส่วนความสามารถในด้านเครือข่าย การสื่อสารข้อมูล
หรือการใช้งานในองค์กรจะมาจาก Windows ตระกูล 200X
ทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่คุ้นเคยกับ
XP
เปลี่ยนมาใช้ Vista ไดัไม่ยาก
และผู้ดูแลระบบที่ต้องการเครื่องที่เสถียร เปิดบริการต่างๆ ได้มากมาย
มีความสามารถในด้านเครือข่ายสูง ก็สามารถนำ Vista ไปใช้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ดังรูปที่ 9.7
9.2 Novell NetWare
NetWare เป็นระบบปฏิบัติการสำหลับจัดการเครือข่าย
(Network Operating System) ของบริษัท โนแวล
เริ่มต้นของระบบปฏิบัติการตัวนี้ก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วๆ
ไปแต่สำหลับผู้ดูแลระบบในการจัดเครือข่าย
NetWare จะใช้ชุดโปรโตคอล
XNS (Xerox Network Services) ของบริษัท Xerox ในการติดต่อสื่อสารเครือข่าย ปัจจุบัน Netware พัฒนามาถึงเวอร์ชัน6.5
(2003) และเวอร์ชัน 6.5 SP6 ในวันที่ 6
พฤศจิกายน 2006 การใช้งาน NetWare จะเป็นแบบ CLl (Command-Line interface) เหมือน
DOS
9.2.1 NetWare 1.x
NetWare เป็นรุ่นแรกที่ออกมาในปี
1983 เพื่อใช้กับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถแชร์พื้นที่ดิสก์ได้
โดยความสามารถของเครื่องที่รันระบบปฏิบัติการ NetWare
ในเวลานั้น
สามารถที่จะให้บริการแชร์พื้นที่กับเครื่องสมาชิกที่รันระบบปฏิบัติการประเภท DOS
ได้
9.2.2 NetWare
2.x
NetWare 2.0 ออกมาในปี
1985 เป็นยุครุ่งเรืองของ Netware
โดยจะทำงานกับซีพียู 286 และใช้รูปแบบคำสั่ง 16 บิต ในการทำงาน
9.2.3 NetWare
3.x, 4.x
ต่อมาในปลายทศวรรษ 1990
อินเทอร์เน็ตเริ่มมีบทบาทมากยิ่งขึ้น NetWare จึงมีการเปลี่ยนแปลงโปรโตคอลที่ใช้
จาก IPX/SPX เป็น TCP/IP โดยเริ่มจาก NetWare v3.x (1989) และ v.4x (1993)
ใน NetWare 3.x จะสนับสนุนการทำงานแบบ 32 บิต และในทุกๆ การทำงานของ NetWare
จะถูกควบคุมโดยตัว NLM (NetWare Loadable
Module) ที่จะโหลทุกๆ การทำงานในตอนเปิดเครื่อง
ดังนั้นเราจึงสามารถตั้งโปรแกรมที่จำเป็น อย่าง Anti-virus หรือโปรแกรมที่เกี่ยวกับการบริการด้านต่างๆ
ให้ทำงานทันทีเมื่อเริ่มต้นเปิดเครื่องได้
NetWare 3.x
สนับสนุนรูปแบบไฟล์แบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบมาตรฐาน 8.3 รูปแบบ long name ของวินโดวส์
หรือรูปแบบไฟล์จากเครื่องแมคอินทอช ระบบจัดเก็บไฟล์ของ NetWare จะใช้ NWFS 386 (NetWare File
System 386) ที่รองรับพื้นที่สูงสุด 1 TB (Terabytes
= ล้านล้านไบท์) จำนวน 4 GF (Giga
Files = พันล้านไฟล์)
NDS คือ
Directory
Services เป็นแนวคิดที่รวมทุกอย่างเป็นออบเจ็กต์ เช่น ชื่อสมาชิก, ชื่อกลุ่มสมาชิก, เครื่องเซิร์ฟเวอร์, เครื่องสมาชิก, เครื่องพิมพ์,
อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ และบริการ ซึ่งเป็นออบเจ็กต์ทั้งหมด
และทำการจัดเรียงออบเจ็กต์เหล่านั้นเป็นลำดับชั้นแบบไดเร็กทอรี
หรือแบบแผนภูมิตันไม้ (Tree-view) ซึ่งง่ายต่อการใช้สิทธิ
โดยผู้ใช้ที่มีสิทธิในชั้นใดๆ สามารถเข้าใช้ออบเจ็กต์ในชั้นต่ำกว่าได้
แต่ไม่สามารถเข้าใช้ออบเจ็กต์ในชั้นสูงกว่าได้ เป็นต้น
นอกจาก NDS
ในเวอร์ชัน 4.x ยังมีการเพิ่ม Transparent
Compression ในระบบจัดเก็บไฟล์เพิ่ม RSA Public/Private Encryption และ NASI (NetWare
Asynchronous Services Interface) ที่อนุญาตให้แชร์อุปกรณ์ Serial
Devices เช่น โมเด็มได้
9.2.4 ความผิดพลาดของโนแวล
ในช่วงแรกของโนแวล
ในยุคของ NetWare 2.x และ 3.x ถือว่าโนแวลทำผลงานได้ดีมากๆเกือบ
90% ของตลาดเชิร์ฟเวอร์เป็นของโนแวล
แต่ในเวอร์ชัน 4.x
โนแวลเดินหมากผิด โดยโนแวลต้องการปิดตลาดเชิร์ฟเวอร์ทั้งหมด
จึงได้รวม NDS เข้าไปในระบบปฏิบัติการ NetWare เพื่อหวังจะใช้ความสามารถของ NDS ในการปราบคู่แข่งรายอื่นๆ
ให้หมด แต่การกระทำดังกล่าวไม่เป็นผลดีเลย
การรวม NDS
เข้าไปใน NetWare ทำให้ราคาของ NetWare สูงขึ้น แทนที่จะแยก NDS ออกเป็นฟังก์ชันเสริมที่สามารถซื้อเพิ่มในภายหลังได้และคงราคาเดิมของ
NetWare ไว้ การที่ราคา NetWare
สูงขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ใช้รายย่อย เช่น
องค์กรขนาดเล็กที่ใช้เซิร์ฟเวอร์แค่เครื่องเดียว ไม่จำเป็นต้องใช้ NDS เริ่มต่อต้าน NetWare เวอร์ชันนี้
เพราะตนเองไม่จำเป็นต้องสูญเงินจำนวนมากกับระบบที่มากเกินจำเป็น
และได้มองหาทางเลือกใหม่ที่ถูกกว่า นั้นคือ Windows NT
นอกจากปัญหา NDS
ใน NetWare 4.x ยังมีปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่ง
นั้นคือการสนับสนุน TCP/IP แบบไม่สมบูรณ์
ซึ่งในยุคนั้นอินเทอร์เน็ตเริ่มมีความสำคัญ ดังนั้นเมื่อต้องการใช้ NetWare 4.x เพื่อใช้ต่ออินเทอร์เน็ต จะต้องเสียเงินซื้อฮาร์ดแวร์เพิ่ม
เพราะ NetWare สนับสนุน TCP/IP ได้แต่ไม่สมบูรณ์จึงต้องใช้ฮาร์ดแวร์เสริม
ด้วยเหตุผลดังกล่าว
ทำให้ในยุคนั้นระบบ NetWare กลายเป็นระบบที่แพง
ทั้งตัว NetWare และตัวอุปกรณ์เสริม ทำให้ผู้ใช้รายย่อยๆ
ในเวลานั้น ส่วนใหญ่เปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการอื่นแทน
9.2.5 การปรับหมากของโนแวล
ในปี 1996
หลังจากนั้นอีก 3 ปี
โนแวลได้พยายามแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว โดยออกแบบ NetWare 4.10
ที่มีราคาเท่ากับ NetWare 3.12 พร้อมทั้งมี NDS ใน NetWare 4.10
ให้ใช้ฟรีด้วย
สำหรับอินเทอร์เน็ต
ความสามารถที่จำกัดของ TCP/IP ใน
NetWare ได้ถูกแก้ไขในรุ่นนี้ให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น
โดยใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เช่น IPX/IP Gateway
ที่ช่วยในการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ IPX กับเครือข่าย IP Network
9.2.6 NetWare 5.x
ในปี 1998
มีการพัฒนาตัว NetWare ให้สนับสนุน TCP/IP มากขึ้น โดยโปรโตคอลหลักเปลี่ยนจาก IPX/SPX เป็น TCP/IP (IPX/SPX
ก็ยังสนับสนุนอยู่แต่เป็นตัวรอง) มีการเพิ่ม GUI มากยิ่งขึ้น
เพื่อให้การใช้งาน NetWare สะดวกและน่าใช้มากยิ่งขึ้น
เครื่องมือต่างๆ
ที่เพิ่มขึ้นมาใน NetWare 5.x
● Novell Storage Services (NSS) ระบบจัดเก็บไฟล์ใหม่ที่มาแทน NetWare File System เดิม
● Java
Virtual Machine for NetWare
● Novell Distributed Print
Services (NDPS)
●
ConsoleOne หน้าจอ GUI ใหม่ สำหรับจัดการระบบ administrator
● Public key Infrastructure
Services (PKIS)
● DNS
และ DHCP Servers
● Storage Area Networks (SANs)
● Novell
Cluster Services (NCS)
● Oracle 8i จำนวน
5 licenses
● IBM WebSphere Application
Server
● NetWare Management Portal
(ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Novell Remote Manager) การตั้งค่าระบบผ่านหน้สจอบราวเซอร์
● FTP,
NNTP และ Streaming Media Servers
● NetWare Web Search
Server, WebDAV support
9.2.7 NetWare 6.x
เริ่มต้นในปี 2001
และพัฒนาต่อมาจนถึงเวอร์ชัน 6.5 ในปี 2003
สำหรับเวอร์ชัน NetWare ถูกพัฒนาให้ใช้งานง่าย
เหมือนไม่ได้ทำงานอยู่บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ มีการลดราคาของ NetWare ลงและสามารถรับผู้ใช้งานได้แบบไม่จำกัด
เครื่องมือต่างๆ
ที่เพิ่มขึ้นมาใน NetWare 6.x
● สนับสนุน enhanced
SMP, iFolder, iPrint, iManager
● NetStorage ระบบจัดการไฟล์ส่วนตัวผ่านบราวเซอร์
● เว็บเซิร์ฟเวอร์ Apache
และ Jakarta Tomcat servlet container
● Native File Access
Protocols สนับสนุน SMB, AFP และ NFS ของผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows, Macintosh และ Unix/Linux ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ไฟล์ในเซิร์ฟเวอร์
NetWare ได้ โดยไม่ต้องลง Novell client
● โปรแกรมฟรีต่างๆ
เช่น PHP, MySQL และ OpenSSH
● โปรแกรมเสริมของ Unix
เช่น wget, grep, awk, และ sed
● สนับสนุน iSCSI,
NX bit
9.3 UNIX
UNIX เขียนขึ้นจากภาษา
C โดยกลุ่มพัฒนาจาก AT&T เพื่อสร้างเป็นระบบปฏิบัติการเปิด
(Open System) และเผยแพร่ระบบปฏิบัติการนั้นให้กับสถานศึกษา
สถาบัน องค์กรรัฐบาล ศูนย์วิจัย และอื่นๆ
เพื่อนำไปใช้พัฒนาต่อเป็นระบบปฏิบัติการในรูปแบบที่ตนเองต้องการ
ระบบปฏิบัติการ UNIX
คือระบบปฏิบัติการที่เป็นได้ทั้งเครื่องเซิร์ฟเวอร์และเวิร์กสเตชันของสมาชิก
ปัจจุบัน UNIX ถูกแตกออกไปเป็นหลายๆ เวอร์ชัน
ถูกพัฒนาใหม่มากกว่าหลายๆ ครั้ง โดยจากหน่วยงานที่มุ่งหวังกำไร และไม่มุ่งหวังกำไร
สำหรับเครื่องหมายการค้า
UNIX นั้น ปัจจุบันเป็นของสมาคม The Open Group ที่สามารถใช้ชื่อ
“UNIX” เฉยๆ ได้ ส่วน UNIX
แปลงของบริษัทอื่นๆ จะใช้คำว่า “UNIX system-like” หรือ” UNIX-like” แทน
9.3.1 การเปลี่ยนแปลงของ
UNIX
ในยุคปี 1960
Massachusetts Institute of Technology, AT&T Bell Labs และ General
Electric ได้ผนึกกำลังกันสร้างระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า Multics
(Multiplexed Information and Computing
Service) ที่ทำงานบนเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ GE-645 โดยมุ่งหวังจะใช้เพื่อการค้าแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น